เดือน: ตุลาคม 2016

ประตูรีโมทเลื่อนอัตโนมัติ หรือ ประตูรีโมทนั้น เป็นประตูอัตโนมัติประเภทหนึ่ง ซึ่งเราจะพบเห็นได้ในหลายๆที่ในตอนนี้ เพราะ กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ประตูรีโมท นี้มีด้วยกันกันอยู่ 2 รูปแบบ
รูปแบบของ ประตูรีโมท

1.ประตูรีโมท แบบบานเลื่อน คือ ประตูที่เลื่อนไปทางด้านข้างนั่นเอง ใช้รีโมทในการออกคำสั่งให้ประตูเปิดไปทางด้านข้าง ซึ่งสถานที่ที่จะติดตั้งประตูรีโมทแบบบานเลื่อนนี้จะต้องมีพื้นที่ด้านกว้างมากพอให้ประตูสามารถเลื่อนเปิดได้เต็มที่

2.ประตูรีโมทแบบบานสวิง คือ ประตูที่เปิดออกจากตรงกลาง ซึ่งเมื่อรับคำสั่งจากประตูให้เปิดออก ประตูจะเปิดเป็น 2 บานประตูแยกออกจากกัน ซึ่งสถานที่ที่จะเลือกใช้ประตูรีโมทแบบบานสวิงนั้น จะต้องมีพื้นที่มากพอสำหรับให้ประตูสวิงเปิดออกไป โดยจะต้องมีความลึกมากพอจะให้ประตูเปิดได้เต็มที่

ประตูรีโมทนั้น เป็นประตูอัตโนมัติ ประเภท ประตูรั้ว ซึ่งมีการพัฒนาให้มีระบบอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งาน โดยการสั่งงานนั้นจะสั่งผ่านรีโมท หลายบ้านอาจจะติดตั้งกันอยู่บ้าง แล้วรู้หรือไม่ว่าจริงๆแล้ว ประตูรีโมทนั้นมีประวัติความเป็นมาอย่างไร วันนี้เรามีคำตอบมาให้แล้ว ไปลองดูกันเลย

ประวัติความเป็นมาของประตูรีโมท

การเรียกว่า “ ประตูรีโมท ” นี้มีที่มาจากการสั่งงานระบบประตูไฟฟ้าด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่า “ รีโมทคอนโทรล (Remote Control Unit) ” ซึ่งคำนี้ได้ รวมถึงลักษณะประตูที่ไม่ใช้อุปกรณ์รีโมทเป็นตัวควบคุม แต่อาจใช้สวิตซ์กด (Push Button Switch) หรือต่อร่วมกับอุปกรณ์ควบคุมอัตโนมัติอื่นๆ อีกด้วย

ประตูรีโมทนั้น ถูกผลิตขึ้นครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี ค.ศ. 1930 เกิดในงานเหมืองแร่แห่งหนึ่ง ซึ่งผลิตขึ้นมาเพื่อป้องกันฝุ่นควันที่จะเกิดจากการขุดเหมืองแร่ ภายหลังเริ่มเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นในกลุ่มวิศวกรเครื่องจักร และพัฒนาจนกระทั่งมีราคาถูกลง แต่ก็ยังคงพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นตามเทคโนโลยีในสมัยนั้น โดยการควบคุมประตูนั้นแต่เดิมใช้เพียงอุปกรณ์ Power Contactor หรือรีเลย์ไฟฟ้ากำลัง และ พัฒนามาใช้ PLC (Programmable Logic Controller) ก่อนจะพัฒนามาเป็น Microcontroller board หรือแผงอิเล็กทรอนิกส์ ตามลำดับ ในสมัยนั้นการพัฒนาประตูรีโมทมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ทำให้มีราคาค่อนข้างสูงมาก ดังนั้นผู้ที่จะติดตั้งได้จะมีแต่พวกคนชนชั้นสูงเท่านั้น แต่หลังจากมีการพัฒนาแข่งกันมาเรื่อย ๆ ทำให้สินค้าเริ่มมีมาก ราคาจึงถูกลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้คนชนชั้นอื่น ๆ สามารถติดตั้งได้

ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทยของเราเอง ก็เริ่มมีการนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายแล้วเช่นกัน โดยเริ่มรู้จัก และมีการติดตั้งใช้งานครั้งแรกเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2535 ซึ่งเป็นสินค้าที่นำเข้ามาจากประเทศอิตาลี ประตูรีโมทนั้นเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องด้วยปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นอาคาร คอนโด บ้านจัดสรร โรงแรม มีเกิดขึ้นใหม่ไปทั่วทุกพื้นที่ ทำให้ประตูอัตโนมัติ อย่างประตูรีโมทเป็นที่ต้องการมากขึ้นไปด้วย ประตูรีโมทจึงมีนำเข้ามาใช้งานในเมืองไทยมากขึ้น ขณะเดียวกันคนไทยเองมีการคิดค้น และดำเนินการให้ระบบประตูรีโมทมีความพิเศษให้มีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

ปัจจุบันนั้น เทคโนโลยีเกี่ยวกับอาคารบ้านเรือนนั้นก้าวไกลไปมากแล้ว  อย่างโครงสร้างแต่ชนิดของตัวบ้านนั้นก็มีการพัฒนาให้ทันสมัยมากขึ้น ประตูรั้วเองก็เช่นกัน ในปัจจุบันมีการใช้ ประตูรีโมท เพิ่มเข้ามา เพื่อให้ผู้ใช้งานสะดวกมากกขึ้นนั่นเอง

คุณสมบัติพิเศษ ประตูรีโมท

– ระบบรีโมทนั้น สามารถควบคุมการเปิด – ปิด ด้วยโทรศัพท์มือถือ ควบคุมผ่านทาง SIM Card โทรศัพท์ทั่วไป
– สามารถใช้โทรศัพท์มือถือสั่ง เปิด-ปิดประตูได้ FREE ไม่ต้องเสียเงิน (เพราะโทรแล้วตัดสายทิ้ง ไม่รับสาย) และใช้ได้กับมือถือทกรุ่น-ทุกเครือข่าย
– มีระบบล็อค 2 ชั้น เพื่อป้องกันประตูเปิดเอง 100%
– มีการแจ้งเตือนทางมือถือ หาก ลืม หรือ เปิด ประตูค้าง นานเกิน 5 นาที
– ตรวจสอบสถานะประตู เปิด-ปิด โดยไม่ต้องเห็นประตู ผ่านทาง SMS บนมือถือ
– รีโมท สามารถควบดุมการ เปิด-ปิดไฟหน้าบ้านดวงไหนก็ได้ โดยติดตั้งอุปกรณ์เสริม และไม่ต้องเดินสายใหม่ (ต่อชุดอุปกรณ์เสริม RL150)
– รีโมท สามารถเปิด-ปิด ลำโพง(ไซเรน)เสียง ฉุกเฉิน  (Panic button) เพื่อขอความช่วยเหลือ โดยไม่ต้องเปิดประตู
– ไฟกระพริบ ขณะประตูทำงาน และลำโพง(ไซเรน)เสียง เพื่อแจ้งเตือนสถานะของประตูล็อค/คลายล็อค หรือ ประตูปิดไม่สนิท
– มีความปลอดภัย แถมยังป้องกันการ Copy รหัส ถึงแม้คนอื่น รู้เบอร์มือถือ ไม่สามารถเปิดประตูได้
– สามารถแจ้งเตือนทางมือถือเจ้าของบ้าน หาก “ลืม” หรือ เปิดประตูนานเกิน 5 นาที หรือ ขโมย แอบเปิดประตูโดยไม่ได้รับอนุญาต

     Access Control System นั้นก็คือ อุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อเป็นระบบเข้า-ออกประตูที่มีกล่องควบคุม หรือที่เราเลือกกันง่าย ๆ ว่าเป็น ประตูคีย์การ์ด ด้วยการทำงานแบบ Standalone ใช้เวลาสแกนน้อยกว่า 2 วินาที เก็บลายนิ้วมือได้ 500 ลายนิ้วมือและบันทึกการเข้าออกได้ 30,000 รายการ พร้อมด้วยระบบ Sleep Mode เพื่อพักเครื่องเมื่อไม่มีผู้ใช้งาน ยังมีการส่งสัญญาณ Wiegand Standard 26 Bits จึงทำให้ Bravo1 สามารถทำงานเป็น Reader ร่วมกับการทำงานของชุด Wiegand Access Control ได้

คุณสมบัติของ Access Control System

– ระบบการปิดเครื่องอัตโนมัติ เพิ่มอายุการใช้งานและประหยัดพลังงาน

– สามารถสำรองลายนิ้วมือจากเครื่อง Bravo 1 ไปที่คอมพิวเตอร์แล้วโอน กลับมาที่ เครื่อง Bravo 1 ได้

– ใช้ลายนิ้วมือในการเปิดประตู ไม่ต้องพกบัตร หรือลูกกุญแจ

– รองรับผู้ใช้งานได้ 500 ลายนิ้วมือ และบันทึกการทำงานงานได้ 30,000 ราย

– สแกนรวดเร็ว เพียง 2 วินาที

– สามารถกำหนดเวลาการเข้า – ออกประตูได้ 50 TimeZone สร้าง Group Time Zone ได้ 5 กลุ่ม

– สามารถเชื่อมต่อแบบ RS232 และ RS485 ต่อเป็น Network ด้วย TCP/IP (option) มีระบบปรับเวลาให้ตรงกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ดึงข้อมูล

– สามารถใช้ร่วมกับ Electronic Lock ได้ทุกชนิด

ข้อควรระวังในการเลือกผู้จัดจำหน่ายเพื่อซื้อมอเตอร์ประตูรีโมทคือ

1. ไม่ได้จดทะเบียนการค้า หรือ เอกสารอื่นๆที่เกี่ยวกับการได้รับอนุญาตให้จำหน่ายสินค้าภายในประเทศไทยจากกระทรวงพาณิชย์ – ต้องตรวจสอบผู้จัดจำหน่าย หรือ ตัวแทนจำหน่ายให้ดีก่อนว่ามีใบอนุญาตในการประกอบการค้า หรือ จดทะเบียนการค้าแล้วหรือไม่ เพื่อให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด และ เพื่อให้เรามั่นใจด้วยว่าซื้อสินค้ากับร้านที่มีการจดทะเบียนถูกต้อง หากพบว่าไม่ได้จดทะเบียนการค้าใด ๆ แนะนำให้เลี่ยงการซื้อจากผู้จัดจำหน่ายรายนั้น เพราะอาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลังได้

2. ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือ ภพ. 20 ให้ถูกต้องตามกฎหมาย และ ไม่ได้เป็นผู้ประกอบการที่มีสิทธิ์ออกใบกำกับภาษี – ถือได้ว่าเป็นการทำผิดกฎหมายเลยก็ว่าได้ ดังนั้นหลีกเลี่ยงไปซื้อร้านค้าที่มีการจดทะเบียนต่าง ๆ อย่างถูกต้องน่าจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด

3. ไม่มีที่อยู่ที่แน่นอน – การที่ผู้จัดจำหน่ายไม่มีที่อยู่ของร้านค้า หรือ ที่ตั้งของห้างร้านที่แน่นอน อาจจะทำให้เราตามสินค้าได้ยาก หรือ ตรวจสอบสินค้าก่อนไม่ได้ หรือ หากจะมองในแง่ร้าย ผู้จัดจำหน่ายรายนั้นอาจจะไม่มีอยู่จริงก็เป็นได้ อาจจะเป็นพวกมิจฉาชีพที่จะหลอกลวงผู้ซื้อก็เป็นได้ ดังนั้นควรเลือกผู้จัดจำหน่ายมอเตอร์สำหรับ ประตูรีโมท ที่มีหน้าร้าน หรือ ที่ตั้งของสำนักงานอย่างชัดเจนนั่นเอง

4. ไม่มีใบรับประกันสินค้าจากโรงงาน หรือ ไม่มีใบรับประกันจากตัวแทนจำหน่าย เพื่อดำเนินการรับประกันให้ลูกค้า – แน่นอนว่าสินค้าที่มีราคาสูงมากๆ ผู้ซื้อก็ย่อมต้องการการรับประกัน เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีการซ่อมแซมให้หากสินค้ามีปัญหาเกิด หากผู้จัดจำหน้า หรือ ตัวแทนจำหน่ายไม่มีใบรับประกัน แนะนำให้เลือกร้านใหม่ที่มีใบรับประกันจะดีกว่า เพื่อประโยชน์ของผู้ซื้อเอง

     อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ไม้กั้นรถ นั้นเป็นอุปกรณ์ในการกั้นทางเข้า-ออกในหลายๆพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น อาคารสำนักงานต่างๆ , ทางเข้า-ออกหมู่บ้าน , ทางเข้า-ออกคอนโดมิเนียมต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งบริเวณลานจอดรถตามสถานที่ต่าง ๆ เองก็มีการติดตั้งไม้กั้นรถไว้ใช้งานเช่นกัน เหตุผลที่มีการติดตั้งไม้กั้นรถแบบอัตโนมัติไว้ใช้งานนั้นก็เพราะอุปกรณ์ชนิดนี้ให้คุณประโยชน์มากมาย จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย

ประโยชน์ของ ไม้กั้นรถ

– เพิ่มความสะดวก และรวดเร็วในการควบคุมรถเข้า–ออก เนื่องด้วยเป็นระบบอัตโนมัติจึงทำให้การใช้งานไม้กั้นรถนั้นทำได้สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น จึงช่วยในการลดปัญหารถติดสะสมหน้าบริเวณทางเข้าออกได้นั่นเอง

– เพิ่มความน่าเชื่อถือ คลายความกังวลใจของผู้พักอาศัยได้ การที่ติดตั้งไม้กั้นรถไว้หน้าทางเข้า-ออกสถานที่ต่างๆนั้นจะช่วยให้ผู้พักอาศัยนั้น รู้สึกคลายความกังวลต่อบุคคลภายนอก หรือมิจฉาชีพ ที่มีเจตนาไม่ดีที่จะเข้ามาในสถานที่ดังกล่าว ได้ด้วย แสดงถึงความมีมาตรฐานในระบบรักษาความปลอดภัยของสถานที่ได้

– ลดปัญหาโจรขโมย ของมีค่าในบ้านพักอาศัย การใช้งานไม้กั้นรถนั้น ทำให้เราสามารถจำแนกผู้เข้า-ออกสถานที่นั้น ๆ ซึ่งการผ่านทางเข้า-ออกนั้นจะมีการบันทึกข้อมูลทะเบียนรถไว้ด้วย ทำให้สามารถตรวจสอบได้ง่ายมาก หากมีการขโมยหรืออะไรก็ตาม เราสามารถตรวจสอบได้จากภาพที่บันทึกไว้ได้เลย

– ลดค่าใช้จ่ายในการจ้าง รปภ.ลงได้ ซึ่งช่วยลดได้ถึง ปีละ 360,000 บาท เพราะการใช้ไม้กั้นทาง หรือไม้กั้นรถยนต์อัตโนมัติ สามารถลดจำนวน รปภ.ได้

     โดยทั่วไประบบ RFID นั้นมีการนำไปประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีหลาย ๆ อย่าง ซึ่ง ไม้กั้นรถ นั้น ก็มีการนำระบบ RFID ไปใช้ด้วย ซึ่งหลักการทำงานร่วมกับเครื่องอ่านบัตรคือ Wiegand จะทำหน้าที่ในการเก็บรวบรวมข้อมูลของบัตรผ่านทุกใบไว้ ซึ่งเราสามารถใส่ข้อมูลบัตรได้อย่างละเอียด เมื่อมีการใช้บัตรทาบที่หัวอ่าน หรือขับรถเข้ามาในระยะที่หัวอ่านตรวจจับได้ หัวอ่านจะทำหน้าที่อ่านหมายเลข id ของบัตรใบนั้นๆ และส่งค่าไปยัง Wiegand เพื่อเทียบกับข้อมูลที่เก็บบันทึกไว้

ชนิดของหัวอ่านระบบ RFID

     ชนิดแรก หัวอ่าน RFID คลื่นความถี่ 125Khz หัวอ่านประเภทนี้จะอ่านบัตรได้ในระยะ 5-10 เซนติเมตร โดยใช้ร่วมกับบัตร Proximity Card บัตรสีขาวๆ ขนาดประมาณบัตรเครดิต ด้วยความสามารถที่อ่านบัตรได้เพียง 5-10 เซนติเมตร จึงทำให้ระบบนี้ราคาถูกที่สุด แต่ข้อเสียก็คือ อุปกรณ์จะไม่เหมาะแก่การใช้งานภายนอกอาคารการติดตั้งจึงต้องมีตู้ หรือกล่องใส่อุปกรณ์อย่างมิดชิดเพื่อกันแดด กันฝน และผู้ใช้งานจำเป็นต้องขับรถเข้าไปเทียบหัวอ่าน ลดกระจกลง เพื่อนำบัตรไปทาบที่หัวอ่านจึงจะสามารถสั่งงานระบบไม้กั้นรถได้

     ชนิดที่สอง หัวอ่าน RFID คือ หัวอ่านระยะไกล หรือ Longer Reader หัวอ่านชนิดนี้ใช้คลื่นความถี่ 433Khz ซึ่งสามารถอ่านบัตรได้ไกล 20 เมตร เรียกว่าไม่จำเป็นต้องจอดรถ ไม่ต้องลดกระจก เพียงขับรถผ่านมาระบบจะทำงานอัตโนมัติเลยทีเดียว ชอบความง่าย สะดวก รวดเร็ว ต้องเลือกใช้หัวอ่านระยะ โดยหัวอ่านระยะไกลจะต้องใช้ร่วมกับบัตรผ่าน Longer Reader Card โดยเฉพาะจึงจะทำงานได้

    Vehicle Detector เป็นอุปกรณ์เสริมที่คอยตรวจจับรถยนต์ ที่มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูง ซึ่ง Vehicle Detector นี้จัดเป็นอุปกรณ์ประเภท Heavy Duty การทำงานของอุปกรณ์นี้จะใช้เซ็นเซอร์สายอินดักชั่น (Induction cable) เป็นเซนเซอร์ตรวจจับโดยจะฝังสายเซ็นเซอร์ไว้ที่ถนน ซึ่งอาศัยการเหนี่ยวนำของขดลวด โดยควบคุมการทำงาน และ อุปกรณ์ที่ใช้ควบคุมเป็นอุปกรณ์คุณภาพสูง

การทำงานของ Vehicle Detector คือ

     การทำงานทั่วๆไปของ Vehicle Detector นั้นก็เหมือนกับอุปกรณ์ตรวจจับกัน ไม้กั้นรถ หล่นใส่รถแบบอื่น ๆ คือ เมื่อขับรถไปอยู่ในจุดที่อุปกรณ์สามารถตรวจจับได้ อุปกรณ์นั้นจะสั่งงานไปที่ไม้กั้นรถให้ไม้ยังคงเปิดค้างไว้นั่นเอง และไม้จะปิดลงมาเมื่อรถยนต์ขับผ่านไปแล้ว

Vehicle Detector มี 2 รุ่นให้เลือกคือ

– TLD500 : VehicleDetector รุ่น External , single way

– TLD600 : Vehicle Detector รุ่น External, dual way detect